บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มีนาคม, 2018

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๓๔

                                           วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ พูดคำว่า ขอโทษ ให้เป็น       ครั้งหนึ่งมีคนเคยสัมภาษณ์ หลินจื้ออีง นักร้องยอดนิยมเกี่ยวกับ ทัศนะและความประทับใจที่เขามีต่อ สุดยอดซุปเปอร์สตาร์ทั้งสี่ และ กัวฟู่เฉินนักร้องดังของของฮ่องกง หลินจื้ออิงเจตนาตอบสัมภาษณ์ให้ตลกว่า  “ สี่ซุปเปอร์สตาร์เหรอ ผมไม่รู้จัก ส่วนกัวฟู่เฉิน เขาเป็นพ่อผมเองละมั้ง  “  คำพูดพอหลุดจากปาก ทุกคนที่อยู่ในที่นั้น ต่างพากันตำหนิว่าเขาไม่รู้จักพูดจา ไม่รู้การควรไม่ควร ต่อมาภายหลัง เพื่อที่จะแก้ไขความผิดพลาดที่ได้ทำลงไป แล้วก็กู้ภาพพจน์ที่ดีของตัวเองขึ้นมาใหม่ เมื่อมีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ เขาบอกอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาว่า  “  ผมรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งพูดคำพูดเหล่านั้นออกไป ผมยินดีที่จะขอขมากัวฟู่เฉินต่อหน้าสาธารณะ ”  เมื่อคำพูดเหล่านั้นได้รับคำตีพิมพ์ออกไป คำวิพากษ์วิจารณ์อันเกิดจาก  “  คำให้สัมภาษณ์  “  ในครั้งก่อนจึงสงบลง นั้นแสดงให้เห็นว่า เมื่อเผลอพลั้งพูดอะไรที่ผิดไป การออกมาขอโทษอย่างเปิดเผยบางครั้งก็ได้ผลดีกว่าการหาเรื่องอื่นมากลบเกลื่อนหรือทำเป็นเงียบเฉย ส่วนใหญ่คนเรา เมื่อ

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๓๓

                                          วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ ชายยากจนผู้ซื่อตรง                 ผู้มีเกียรติท่านหนึ่งกำลังขี่ลามาตามถนนในเมืองมักกะฮ มีชายนำหน้าหนึ่งคนซึ่งกำลังตะโกนเสียงดัง “ใครพบกระเป๋าบ้างครับ ใครพบกระเป๋าเงินนำมาคืนด้วย...” “ใครพบกระเป๋าจะให้รางวัลเป็นเงิน 100 เหรียญทอง” ต่อมามีชายขาเป๋คนหนึ่ง สวมใส่เสื้อผ้าที่ปะชุนเดินเข้ามาหาคนขี่ลาและได้สอบถามถึงลักษณะของกระเป๋า และสิ่งที่มีในกระเป๋านั้น คนขี่ลาจึงบอกรูปพรรณลักษณะของกระเป๋าและจำนวนเงินที่มีอยู่ซึ่งตรงกับความ เป็นจริงทุกประการชายขาเป๋จึงยื่นกระเป๋าให้แก่คนขี่ลา คนขี่ลากล่าวขอบใจคนขาเป๋ แล้วควักเงินจำนวน 100 เหรียญทองมอบให้แก่ชายขาเป๋ตามที่สัญญาไว้แต่แทนที่จะรับเงินไว้ชายขาเป๋ กลับพูดว่า “เราขอบใจท่านมาก...แต่เราขอปฎิเสธเงินของท่านจงนำมันกลับไปเถิด แค่กระเป๋าหายไปท่านก็ทุกข์ใจมากแล้ว เงินในกระเป๋าของท่านนะไม่มีค่าอันใดต่อฉันเลย เมื่อเทียบกับสิ่งที่อัลลอฮจะให้แก่ฉัน...”  แล้วชายขาเป๋ผู้ยากจนคนนั้นก็จากไปโดยมิได้เหลือบดูเหรียญทองนั้นเลย ที่มา :  อ.มันศูร   อับดุลลอฮ. ชายยากจนผู้ซื่อตรง.กร

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๓๒

                                         วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑       มหันตภัยจากผลพวงทางเทคโนโลยี        ความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายของคนในสังคมปัจจุบันและความก้าวหน้าทันสมัยของ เครื่องมือทางเทคเทคโนโลยี เช่น การใช้สารเร่งผลผลิต เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะอำนวยควกสะดวกสบายให้แก่เรามากมายเพียงใด เราก็ควรคำนึงถึงผลร้ายที่จะตามมาด้วย เพราะสิ่งประดิษฐ์บางอย่างทำมาจากสารหรือวัตถุที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต และผู้บริโภคอาจถึงขั้นเสียชีวิต จากการวิเคราะห์โดยหลายหน่วยงาน พบว่าในสิ่งแวดล้อมมีสารพิกระจายอยู่เต็มไปหมด        ตัวอย่างสารพิษใกล้ตัวที่เป็นอันตราย ต่อสิ่งมีชีวิต เช่น สารตะกั่วจากการซ่อมแบเตอร์รี่ ก่อให้เกิดพิษต่อเม็ดเลือดแดง  สารปรอทจากการทำกระดาษ,พลาสติก ก่อให้เกิดโรคminamata ปอดอักเสบ ทำลายตับไตเมื่อสูดหายใจเข้าไป        ของบางอย่างที่เราคิดว่าให้ประโยชน์แก่เรามากมายและใช้โดยไม่คำนึงว่ามันก็ สามารถให้โทษแก่เราได้เช่นเดียวกันหากเราใช้มันอย่างไม่ถูกวิธึ ที่มา : ดร.พีรศักดิ์  วรสุนทโรสถ.มหันตภัยจากผลพวงทางเทคโนโลยี.กรุงเทพฯ : สถาบันวิจัยวิทย

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๓๑

                                          วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ นกนางแอ่น         นกนางแอ่นฝูงหนึ่งอาศัยที่เกาะร้างกลางมหาสมุ ท ลมมรสุมแรงทำให้แม่นกและลูกนกต้องพรากจากกัน ลูกนกเฝ้าออกตามหาแม่นกมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่เจอ แม่นกก็เช่นเดียวกันเฝ้าตามหาลูกอยู่หลายปีแต่ก้ไม่มีวี่แววว่าจะเจอ  ยังไม่ทันได้เจอลูก แม่นกก็ถูกคลื่นทะเลสาดฟาดร่างจมหายไปในทะเลลึก แม่นกได้เกิดใหม่อาศัยอยู่ในฝาหอย ลุกนกเล่าเรื่องให้แม่หอยฟังว่าเธอเป้นเด็กกำพร้า ไม่มีแม่และน้อยใจคิดว่าแม่ทิ้งไปเพราะไม่รัก โดยหารุ้ไม่ว่าหอยตัวนั้นคือแม่ของตน แม่หอยได้ฟังแล้วก็คิดในใจว่าชาติที่แล้วแม่ตายไปยังไม่ทันได้ป้อนเหยื่อให้ เจ้ากินชาตินี้แม่ขอให้ลูกกินแม่ในชาตินี้แทนสิ้นเสียง แม่นกในร่างหอยก็สิ้นลม ลูกนกมารุ้ที่หลังว่าหอยตัวนั้นคือแม่ของตนลุกนกก็ฟุบกลิ้งจนสลบสลายตายตาม แม่ไป ที่มา :  อังคาร กัลยาณพงค์.   นกนางแอ่น.กรุงเทพฯ :  บริษัทพัฒนาคุรภาพวิชาการ(พว.)จำกัด,๒๕๕๘

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๓๐

                                              วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑    เม็กซิโกซีตี้บทเรียนของกรุงเทพฯ     เม็กซิโกซิตี้เป็นเมืองหลวงของประเทศเม็กซิโกมีอะไรที่น่าศึกษาในด้านแผ่น ดินไหวสำหรับกรุงเทพฯอันดับแรกเม็กซิโกซิตี้ตั้อยู่บนพื้นที่ดินอ่อนเช่นกับ กรุงเทพฯ กรุงเทพสร้างบนพื้นที่ดินที่เคยเป็นทะเลมาก่อนส่วนเม็กซิโกสร้างบนพื้นที่ ที่เป็นโคลน ส่วนที่สอง คือรสนิยมที่เหมือนกันในเรื่องคอร์รัปชันความจริงเม็กซิโกไม่เหมือนกรุงเทพ อยู่อย่างหนึ่งคือกรุงเทพไม่ได้อยู่ในเขตแผ่นดินไหวซึ่งเม็กซิโกมีแผ่นดิน ไหวอยู่เป็นประจำแต่ชาวเม็กซิโกซิตี้ไม่ตื้นเต้นกับแผ่นดินไหวเพราะชาว เม็กซิโกชินแล้วจึงทำให้ชาวเม็กซิโกอยู่ในความประมาทจึงทำให้เสียชีวิตมาก เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่19กันยายน2528โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ชายฝัง แปซิฟิกแต่บริเวณที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางกลับไม่เสียหายร้ายแรง มาถล่มเอาพื้นที่กรุงเม็กซิโกซิตี้เป็นคลื่นไปตามแผ่นดินไหวอาคารบ้านเรือน พังทลาย ทั้งเมืองเต็มไปด้วยฝุ่นและควันจากไฟไหม้มีผู้เสียชีวิตกว่า9500คนบาดเจ็บ กว่า300000คนอาคารที่ถูกทำลายส่วนใหญเป็นอาคารที่หลังจากพระราชบัญญ

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๒๙

                                            วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ ญี่ปุ่นตายเป็นเเสนเมื่อแผ่นดินไหว       ญี่ปุนเป็นประเทศที่ต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวมากที่สุดและเสียชีวิตจากภัย พิบัติธรรมชาติประเภทนี้หลายแสนคนการสูญเสียครั้งใหญ่เกิดเมื่อวัน ที่1กันยายน2466จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ในทะเลจึงเกิดคลื่นสึนา มิเข้ามาถล่มฝังด้วยรอบอ่าวซากามิมีเมืองเล็กตั้งเรียงรายหลายเมืองและอาคาร ที่ส้างส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในที่ลุ่มของดินอ่อนจึงเสียหายถูกทำลาย50-80เปอร์ เซ็นตรงเหนือจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวในอ่าวแรงแผ่นดินไหวได้บีบนำใต้ดินบน ทรายให้พุ่งขึนมาทุกครั้งที่คลื่นแผ่นดินไหวแม้บริเวญอ่าวซากามิมีจะเป็นจุด ศูนย์กลางแผ่นดินไหวแต่ก็มีผู้เสียชีวิตน้อยเพราะชุมชนย่านนี้อยู่กันไม่ หน่าแน่นมีอาคารสูงน้อยจึงหนี้ทันแต่เมืองโยโกฮามาอยู่กันอย่างหน่าแน่นจึง มีคนตาย27000คน บาดเจ็บ40000คนซึ่งโตเกียวอยู่ห่างจากโยโกฮามาเล็กจึงทำให้ความรุนแรงจาก แผ่นดินไหวลดลงประชาชนสามารถภออกจากอาคารพังทลายได้แต่ก็ไปไหนไม่ได้เพราะ เส้นทางถูกปิดปรากฏว่าที่โตเกียวมีคนตาย100000คน บาดเจ็บ40000คนและอาคารบ้านเรือนพังทลา

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๒๘

                                                วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ ต้นไม้สวรรค์       มี ต้นอินทผาลัมอยู่ต้นหนึงปลูกอยู่ในเขตของบ้านหลังหนึงบริเวณบ้านของคนยากจน ที่อาศัยอยู่ติดกันบางครั้งเมื่อการเก็บผลอินทผลัมของมันกระเดนเข้าไปในบ้าน ของคนยากจนทำให้เด็กๆต้องมาคว้ากินกันแต่ผู้เป็นเจ้าของไม่พอใจบางที่ถึง กลับดึงเอาออกจากปากเด็กผู้ยากจนด้วยซ้ำจีงนำเรื่องนี้มาร้องเรียนต่อท่าน นบีซอลลออฮวาสัลลัมจึงเรียกเจ้าของต้นอินทผาลัมมาพบและสอบถามว่าเขาเต็มใจ มอบส่วนนี้แก่ท่านไหมเจ้าของสวนตอบปฎิเสธและบอกว่าเคยมีขอซื่อต้นไม่นี้แล้ว แต่เขาไม่ขายให้แพราะติดใจในรสชาติของมันเมื่อเจ้าของต้นอินทผาลัมหากผมซื่อ ต้นไม้นี้และมอบให้ท่านและมอบให้ท่านนบีผมจะได้รับต้นไม้จากสวรรค์ที่ท่านรอ ซุลสํญญาว่าจะให้เป็นการตอบแทนด้วยหริอป่าวชายผู้ันั่นจีงเรียกไปหาเจ้าของ สวนโดยพูดว่าขายต้นอินทผาลัมต้นนี้ให้แก่เราเถอะแก่เราเถอะจะให้ราคาเท่าไร ก็ได้เจ้าของตอบว่าแม้ท่านนบีสํญญาต้นไม้ในสวรรค์ให้แก่ฉันแล้วฉันยังไม่ยอม ให้เลยแม้ราคามากเพียงใดก็ตามเจ้าของส่วนตอบกลับว่าเราอาจจะขายมันแต่คงไม่ มีใครซื่อมั้นหรอกหากเราบอ

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๒๗

                                             วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ บ้านหลังสุดท้าย       ทุกคนเริ่มหมดแรง สองขาแถบจะก้าวไม่ออก อ่อนเพลียทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ เมื่อไรจะถึงบ้านใหม่ พ่อทำไมถึงอยู่ไกลอย่างนี้    หนู ไม่อยากไปที่นั้นเลยหนูกลัวว่ามันจะไม่ใช่บ้านใหม่ของเรา ฟ้าบอกพ่ออย่างท้อแท้ แต่ความหวังยังไม่สิ้น เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาตรงหน้าทุกๆคนคือแนวป่าหนาทึบฟ้าย่างกรายเข้า ไปสู่บ้านใหม่ที่สมบูรณ์ ฟ้าวิ่งไปยังลำธารที่ได้ยินอย่างรวดเร็ว เขม้นมองหาอะไรอย่างหนึ่งที่คุ้นเคย สวัสดี เจ้าปลาน้อย ฟ้าเอ่ยทักทายฝูงปลาอย่างดีใจ เด็กน้อยฟ้ากระโดดโลดเต้นไปมา ฟ้าวิ่งไปทั่วจนมาหยุดยืนอยู่ริมลำธารอีกครั้งหนึ่งก็รู้สึกถึงความเย็นฉ่า ของสายน้ำกำลังเล่นน้ำเพลินๆก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงร้องเรียกของพ่อ และขึ้นจากน้ำทันทีเพราะรู้ว่าจะต้องไปผจญภัยในป่ากับพ่ออีกครั้งหนึ่ง รอบๆฟ้าและพ่อมีแต่ต้นไม้และเสียงร้องของสัตว์หลายชนิด ฟังแล้วชั่งไพเราะ ฟ้าได้แต่ภาวนาให้ป่าผืนนี้เป็นป่าที่สมบูรณ์ตลอดไป ที่มา :  นางสาวเนาวรัตน์ ธีรกุลพิสุทธิ์. บ้านหลังสุดท้าย.กรุงเทพฯ :  คุรุสภาพร้าว,๒๕๕๘

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๒๖

                                                วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ อยู่ที่หัวใจ       หัวใจของคนเราเป็นศูนย์กลางของการกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง    เพราะหัวใจนี่แหละที่ทำให้ผลลัพธ์ของการกระทำเปลี่ยนแปลง    ถ้าใจของเราคิดดีผลลัพธ์ที่เราทำนั้นก็จะออกมาดี    ถ้าใจเราคิดไม่ดีผลลัพธ์ที่อกมานั้นก็จะไม่ดีด้วย    แต่ถ้าเรามัวแต่กลัวจนไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรเลยก็จะเกิดผลเสียตามมา     การงานทุกการงานก็ขึ้นอยู่กับหัวใจ    ดังนั้นเราจึงควรทำงานทุกงานด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์เพราะว่ามันจะส่งผลดีต่อตัวเราและคนรอบข้างของเราด้วยเช่นกัน ที่มา :    มุซักกีร. อยู่ที่หัวใจ.กรุงเทพฯ :  ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้,๒๕๕๘

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๒๕

                                              วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑   ร้อยใจประสานมือ               ฟานและทุกคนอาศัยอยู่ในทับหลังใหม่อย่างมีความสุข  ทับใหม่ในป่าผืนสุดท้ายเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่  สายธารไหลรินให้ความชุ่มชื่นแก่ทุกชีวิต  มีมวลสัตว์ป่ามากมายมาให้ล่าเป็นอาหารอย่างไม่ขาดแคลนทั้งเผือก  มัน  สมุนไพร  ล้วนสมบูรณ์พูนสุข  เหล่านี้คือสิ่งที่ฟานและพวกของเขาต้องการ  เมื่อสิ่งหนึ่งถูกทำลายสิ่งอื่นๆก็จะถูกทำลายด้วยแต่ขณะเดียวกันคนก็สามารถรักษาป่าได้ด้วย  ป่าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของฟานและพวกเขา  ยามหิวป่าให้อาหาร  ยามป่วยไข้ป่าให้ยารักษา  ยามหนาวเหน็บป่าให้ความอบอุ่น  ยามเงียบเหงาป่าให้เสียงดนตรีจากต้นไม้ใบหญ้ากรีดใบจากเสียงร้องของสรรพสัตว์  ในขณะเดียวกันฟานก็ต้องมีหน้าที่ดูแลรักษาป่า  เพราะหากวันไหนที่ป่าถูกโค่นทำลายลง  วันนั้นและของพวกก็คงจะไม่มีที่อยู่  วันนั้นคือวันที่ฟานไม่พึงปรารถนาจะพบเห็น  แต่ วันนั้นอาจจะมาเยือนฟานในวันข้างหน้าก็ได้ถ้าเราไม่ช่วยกันรักษาป่าไม้ฟาน และเผ่าพันธุ์ของเขาจะสามารถดำรงชีพอยู่ในสภาพวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของเขา ได้หรือไม่  วันนี้...ข

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๒๔

                                              วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑         ความจริงที่ต้องการ      เด็กตาบอดคนหนึ่งนั่งที่ขั้นบันไดของตึก  โดยมีหมวกวางหงายไว้ข้างๆมีป้ายเขียนไว้ข้างตัวว่า"ผมตาบอด กรุณาช่วยด้วย" มีเหรียญเพียงสองสามอันในหมวก  ชายคนหนึ่งเดินผ่านมา เขาหยิบเงินสองสามเหรียญจากกระเป๋า  แล้วหย่อนลงในหมวก  เขาหยิบป้ายข้างเด็กตาบอดมาเขียนที่ข้างหลัง  แล้ววางไว้ที่เดิม  เพื่อให้คนเดินผ่านแล้วได้เห็นข้อความใหม่บนป้ายในไม่ช้า....หมวกก็เต็ม  ผู้คนมากมายให้เงินแก่เด็กตาบอด บ่ายวันนั้นชายที่เขียนป้ายให้ใหม่กลับมาดู ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนั้น เด๊กชายจำเสียงฝีเท้าของเขาได้ก็ถามขึ้นว่า"คุณใช้คนที่เขียนป้ายให้ผมใหม่ เมื่อเช้าใช่ไมครับ" คุณเขียนว่าอะไรครับ  ชายคนนั้นพูดขึ้นว่า "ฉันแค่เขียนความจริง  ฉันเขียนสิ่งที่เธอพูดแต่เขียนด้วยคำพูดที่แตกต่างกัน" ฉันเขียนว่า"วันนี้ช่างเป็นวันที่สวยงาม  แต่ผมไม่สามารถชื่นชมมันได้" ทั้งสองข้อความบอกกล่าวผู้คนว่าเด็กคนนั้นตาบอดที่ว่าข้อความแรกเพียงแค่บอก ธรรดาว่าเด็กชายตาบอด ในขณะที่ข

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๒๓

                                             วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ ของขวัญอันล้ำค่า       เรื่องราวซึ้ง ๆ ของหญิงสาวตาบอดคนหนึ่ง ที่เกลียดตัวเอง เกลียดโชคชะตาที่ทำให้เธอตาบอด  จนพาลไปเกลียดทุก ๆ คนรอบตัวเธอไปด้วย   แต่ทว่าเธอกลับทุ่มสุดหัวใจรักแฟนหนุ่มที่ทำทุกอย่างเพื่อเธอ   และให้กำลังใจเธอในทุก ๆ สถานการณ์   เธอบอกกับแฟนหนุ่มของเธอว่า  “ ถ้าฉันได้กลับมาเห็นโลกที่สวยงามอีกครั้ง ฉันจะแต่งงานกับเธอ ” และแล้ว   วันหนึ่งได้มีผู้ใจบุญบริจาคดวงตามาให้เธอ   หลังจากการผ่าตัดที่ผ่านพ้นไปด้วยดี และแล้วก็มาถึงวันที่ถอดผ้าพันแผลออก   ทำให้เธอได้มองเห็นโลกอีกครั้งหนึ่ง   รวมทั้งได้เห็นแฟนหนุ่มที่อยู่เคียงข้างเธอมาตลอด แล้วแฟนหนุ่มก็ถามเธอว่า  “ ผมดีใจที่คุณมองเห็นอีกครั้งหนึ่ง ผมอยากจะขอคุณแต่งงานตามที่สัญญากันไว้   คุณจะแต่งงานกับผมไมครับ ” หญิงสาวมองหน้าแฟนหนุ่มของเธอและเห็นว่า   แฟนหนุ่มของเธอนั้นตาบอด เธอตกใจอย่างมากกับตาที่ปิดสนิทของแฟนหนุ่ม   และไม่คาดฝันมาก่อนว่าแฟนหนุ่มของเธอนั้นตาบอด   เธอคิดว่าเธอคงทนไม่ได้ที่จะต้องอยู่ต้องเห็นแฟนหนุ่มที่ตาบอดนี้ไปตลอด   ชีวิตของเธอ ทำ

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๒๒

                                         วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑                                                               ลูกตาลเป็นเหตุ       นักเดินทางคนหนึ่งรู้สึกป่วยอย่างกะทันหันเนื่องจากความรอนของเเสงเเดด  จึงหยุดพักใต้ต้นตาลในไร่ข้างถนน  ในไม่ช้านักเดินทางก็สั่นตัวด้วยพิษไข้ ขณะนั้นนกกาตัวหนึ่งอยู่บนพื้นดินใกล้ๆกับนักเดินทาง รู้สึกสงสัยจึงบินไปเกาะบนลูกตาลซึ่งสุกจนงอม   เเล้วลูกตาลลูกนนั้นก็หล่นมาโดนศรีษะของนักเดินทางทำใหเขาได้รับบาดเจ็บ  ในไม่ช้าก็มีคนผ่านมาเห็นก็พานักเดินทางไปหาหมอ  เมื่อฟื้นจากกการบาดเจ็บ เขาก้ไปฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของไร่ แต่ผู้ใหญ่บ้านกลับฟ้องคดีของเขาโดยอ้างว่านกกาตัวนั้นเป็นต้นเหตุทำให้ลูก ตาลตกลงมา  นักเดินทางไม่พอใจจึงนำความไปกราบบังคมทูลเจ้าหญิงผู้พิพากษา  เจ้าหญิงพิจารณาคดีเเล้วตัดสินใจว่า  ''เจ้าของไร่ตาลต้องจ่ายค่าเสียกหายเเก่นักเดินทาง'' ที่มา :  รศ  อรพรรณ  พนัสพัฒนา. ลูกตาลเป็นเหตุ.กรุงเทพฯ :  สำนักพิมพ์  คีรีบูน,๒๕๕๗     

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๒๑

                                                  วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑         เกือบสายไปแล้ว       ช่วงวัยของชีวิตไม่มีใครปฏิเสธิได้เลยว่าวัยรุ่นวัยเรียนนั้นน่าสนุกที่สุด เพราะเมื่อเราจากไกลบ้านแล้วนั้นเท่ากับว่าไม่มีผู้ใหญ่คอยขีดขวางอีกแล้ว กับการมีชีวิตตามลำพังมีบททดสอบมากมายให้ลองผิดลองถูกทุกอย่างขึ้นอยู่กับ เราตัดสินเลือกหนทางเดินเองทั้งสิ้นดั้งนั้นคนคนหน่งที่เรารู้จักโดยบังเอิญ ชีวิตวัยเด็กเขาเป็นเด็กดีมากถูกเลี้ยงมาอย่างดีเขาเป็นลูกคนเดียวจึงุถูก ตามใจในทุกๆเรื่องหลังจบชั้นประถมก็ต่อชั้นมัธยมเมื่อออกสู่โลกภายนอกทำให้ เขาหลงระเริงกับสภาพบรรยากาศใหม่ๆเรียนได้ไม่กีปีชีวิตเขาก็เปลี่ยนไป ทุกอย่างทางที่ไม่ดีไม่ใส่ใจการเรียนติดยานานวันก็ยิ่งหนักขึ้นเป็นตัวปัญหา ที่ว่าสังคมไม่ต้องการทางบ้านจึงได้ส่งตัวไปเมืองนอกเผื่อส่าจะดีขึ้นแต่ กลับรุนแรงเข้าไปอีกเมื่อทางบ้านทราบข่าวสิ่งที่หวังจึงหมดหนทางสุดท้ายเขา ถูกส่งตัวกลับบ้านหลังจากนั้นเขาทำอะไรก็ไม่มีใครสนใจจนเขาเองก็รู้สึกกเเ ปลกใจวันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เขาเกือบ ตายในขณะที่เขาอาการโคม

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๒๐

                                                     วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑         อยากให้บ้านนี้มีแต่รัก      อรวีเป็นสาวน้อยร่างโปร่งผิวขาวและเป็นลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจชื่อดังเธอ เกิดในครอบครัวที่มีฐานะความเป็นอยู่ดีแต่เธอไม่มีความสุขสบายดังฐานะของเธอ เลย ชีวิตของอรวีจึงเป็นชีวิตแบบหนึ่งในสังคมปัจจุบัน ตอนนี้อรวีเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เขาน้อยอกน้อยใจตลอดเวลาถ้าคิดถึงเรื่องภายในครอบครัวของเขาเพราะพ่อแม่ ของอรวีไม่เคยมีเวลาให้เขาเลยแม้แต่วันหยุดเรียนก็ยังต้องออกไปพบปะสังคมภาย นอกปล่อยให้เธออยู่บ้านตามลำพังคนเดียวไม่มีคนที่จะปรึกษาไม่มีคนคอยถามข่าว การเรียนของเขาเลย อรวีตื่นแต่เช้าออกจากบ้านเพื่อจะไปเรียนหนังสือดดยที่แม่กับพ่อของเขายัง ไม่ตื่นนอนเลยพอกลับมาถึงบ้านก็ไม่มีใครอยู่มีแต่คนใช้เพราะพ่อกับแม่ไปทำ งานกว่าจะกลับอรวีก็เขานอนแล้วชีวิตของอรวีเป็นอย่างนี้ทุกวันจนบางครั้งทำ ให้อรวีไม่อยากกลับบ้านเลยเขาไม่เคยมีความสุขเขาอยากมีชีวิตเหมือนคนปกติถึง แม้จะมีฐานะไม่ร่ำรวยแต่เขาขอแค่พ่อแม่ลูกอยู่พร้อมหน้ากินข้าวด้วยกันแค่ นี้ก็พอใจแล้ววันหนึ่งเขาไปเรียนตามปกต

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๑๙

                                                  วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ ศิษย์ที่ครูไม่ต้องการ        เด็กชายเดช เดชากุล เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นลูกคนเดียวของผู้มีอันจะกินคนหนึ่งถูกพ่อแม่ตามใจมากเกินไป เดชเป็นเด็กฉลาดแต่เขาไม่สนใจต่อการเรียนขาดเรียนบ่อย เอาแต่ใจตนเอง วันหนึ่งเดชมาเรียนตามปกติครูพรทิพย์จึงเรียกเดชมาพบที่โต๊ะหน้าห้องแต่เดช ไม่ยอมออกมาทำเป็นไม่สนใจต่อคำพูดของคุณครูและมีการโต้ตอบทำให้ครูไม่สามารถ ข่มใจได้อีกจึงพูดสั่งสอนเดชอย่างโมโห วันรุ่งขึ้นเดชมาเรียนเพียงครึ่งวันแล้วก็หิ้วกระเป๋าเดินคอตกกลับบ้าน ครูพรทิพย์สังเกตุว่าช่วงนี้เดชมาเรียนทุกวันแต่งกายเรียบร้อยแต่ซึมเศร้า ครูพรทิพย์ทำเป็นไม่สนใจเดชไม่ใยดีจนกระทั่งถึงวันสอบอ่านวิชาภาษาไทยเดชก็ เข้ามาจะสอบแต่ครูไม่สนใจไม่พูดด้วยเขาก็เดินออกไปแล้วเดินกลับบ้านน้ำตาซึม วันรุ่งขึ้นเดชไม่มาเรียนหลายวันและครูได้ข่าวว่าเดชไม่สบายครูจึงไปเยี่ยม ที่บ้านเดชขอโทษคุณครู คุณครูพรทิพย์ให้อภัยเดชทุกอย่างเพราะเดชได้ปรับปรุงตัวเองจนกลายเป็นคนละคน คุณครูพรทิพย์มีความสุขสุดที่จะกล่าว ที่มา :  พินิตย์

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๑๘

                                                    วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑         รักพอดีๆ           ปริมาณความรักคงไม่สามารถวัดด้วยหน่วยวัดน้ำหนักได้   เพราะความรักเป็นเรื่องนามธรรมจับต้องไม่ได้  แต่สามารถสัมผัสรับรู้ความรู้สึกได้  รักแค่ไหนถึงเรียกว่าพอดี  จึงไม่สามารถกะเกณฑ์เป็นตัวเลขได้  มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่จะรู้ดีว่ารักแค่ไหนถึงจะพอดี       รักแบบพอดีมันต้องอาศัยองค์ประกอบของความรักและเหตุผล  รักแบบพอดีของคนๆหนึ่ง  ไม่จำเป็นต้องเท่ากับของอีกคนเสมอไปและไม่มีใครสามารถรกำหนดแทนกันได้  เพราะอย่างนี้คนที่รักในวัยเรียนต้องเป็นผู้กำหนดเอง โดยดูจากปัจจัยต่างๆเช่น  ความรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหน  ผลการเรียนอยู่ระดับไหน  ควาสัมพันธ์ของคนรอบข้างเป้นอย่างไร  และอื่นๆ  ถ้าปัจจัยเหล่านี้อยู่ในขั้นตอนพอใจ  มีความรับผิดชอบอย่างเต็มที่  การเรียนอยู่ในขั้นดี  ก็ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง  ความรักแบบพอดีของคนเหล่านี้จึงสามารถเลยครึ่งแก้ว(น้ำ)มาได้ ที่มา :  อชิรญา    ณ    แจแปน.  รักพอดีๆ . กรุงเทพฯ :  บริษัท    แฮ๊ปปี้บุ๊ค    พับลิชชั่ง    จำกัด,๒๕๕๕

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๑๗

                                                      วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ ครอบครัวอบอุ่น        คำว่า ครอบครัว เป็น คำที่มีความหมายมาก คือ หมายถึงความรักความอบอุ่น ความเป็นอันเดียวกัน สมัยลูกเป็นเด็กๆ เราอยู่รวมกันเป็นครอบครัว มีเสียงหัวเราะสนุกสนาน มี เสียงวิ่งเล่นวิ่งไล่กัน ได้ทานอาหารรวมกัน ได้อะไรด้วยกัน ดูมันมีชีวิตชีวา แม้พ่อแม่จะทำงานเหน็ดเหนื่อยกันมา พอเห็นหน้าลูกๆ มาคอยต้อนรับหน้าประตู ถามว่าเหนื่อยไหมแล้วช่วยถือกระเป๋าถือของให้ เท่านี้ก็หายเหนื่อยแล้ว เห็นลูกกินได้นอนหลับ พ่อกับแม่ก็สบายใจนี่แหละลูกเอ่ยที่เขาว่าครอบครัวที่อบอุ่น ตอนนี้ลูกก็โตกันแล้ว หากสามารถเสบเป่าได้ พ่อกับแม่ก็อยากจะเสบเป่าให้ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่น พร้อม หน้าพร้อมตากัน เหมือนตอนเป็นเด็กทานข้าวด้วยกัน ถามไถ่สุขของกันและกัน ได้อุ่มหลานตัวน้อยๆ เท่านี้ก็ยืนอายุให้พ่อกับแม่ได้อีกหลายปีแล้วลูกเอ่ย ที่มา :    ทองดี สุรเตโช. ครอบครัวอบอุ่น. กรุงเทพฯ :  สำนักงานกิจกรรมสตรีและสถานบันครอบครัว,                 ๒๕๕๘

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๑๖

                                                       วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ เด็กชายที่ยังเลวไม่พอ         มีเด็กชายคนหนึ่งชื่อคลาวด์ เขาเป็นเด็กซึ่งเลวมากจนผู้คนที่อยู่ไกลและใกล้ได้ยินถึงคาวมซนของเขา  ครั้งหนึ่งเมื่อมีคุณย่ามาอยู่กับเขาด้วยคลาวด์จับกบอ้วนมาไว้บนเตียงของ ท่าน  และอีกครั้งหนึ่งเมื่อคุณครูไม่ทันได้มองเขาก็เลื่อนเข็มนาฬิกาของ โรงเรียนทำให้เด็กๆได้กลับบ้านก่อนเวลาถึง2ชั่วโมง  และมีอีกที่เขาเลวมากคือเขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่สูงที่สุดในสวนแล้วผูกเสื้อ เชิ้ตตัวที่ดีที่สุดของคุณพ่อไว้บนกิ่งไม้ที่สูงที่สุดมันจึงโบกตามลมราวกับ ธง   คุณพ่อคุณแม่และพี่น้องของเขาได้ใช้ทุกวิธีทางที่จะหยุดความซุกซนของคลาวด์ และทำให้เขาเป็นเด็กดีขึ้นพวกเขาให้เขาอดอาหารและไม่ให้ไปดูละครสัตว์แต่มัน ก็ไม่เป็นผลและวันหนึ่งทุกคนในเมืองต่างได้ยินถึงความซนของคลาวด์และไม่นาน ข่าวก็แพร่กระจายไปถึงหูแม่มดซึ่งแก่ที่สุด น่าเกลียดที่สุดและชั่วร้ายที่สุดในอณาจักรก็ทราบข่าว   จึงมาหาเด็กชายคลาวด์ที่บ้านและก็จะมาพาตัวเด็กชายคลาวด์ไปที่โรงเรียนพ่อมด ที่มีแต่เด็กเลว      ที่มา :  เอลีน  โคลเว

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๑๕

วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ โรคอันตราย    อันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน        ฤดูร้อนของเมืองไทยมีความรุนแรงและแปรปรวนมากขึ้น  ดังเช่นใน พ.ศ.  2551  ที่ร้อนกว่า  3 ปีที่ผ่านมาในภาวะโลกร้อนอากาศร้อนเป็นอันตรายต่อคนทั้งด้านสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตเรียกว่า  โรคลมแดดหรือโรคลมจากอากาศร้อน   Heat  stroke   มีอาการทางร่างกายได้แก่อ่อนเพลีย  วิงเวียนศีรษะ  เดินโชเซ  อาการเพลียแดดที่เกิดภาวะร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไปจึงควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเพื่อให้ร่างกายเย็นลง  แล้วดื่มน้ำผลไม้เย็นๆสร้างความเย็นและชดเชยน้ำที่เสียไป  และอีกโรคหนึ่งที่น่ากลัวคือโรคมะเร็งผิวหนัง  skin  cancer   ซึ่งมีหลายชนิดมะเร็งผิวหนังเรียกว่า เป็นผื่นเล็กๆ  มีขุย  มักจะพบในบริเวณหน้า  แขนและหลังมือ  โดยเฉพาะบริเวณที่ได้รับแสงมาก  หากไม่รักษาก็จะกลายเป็นมะเร็งในภายหลังสาเหตุส่วนใหญ่คือ  แสงอัลตราไวโอเคต  ยู วีเอและยูวีบีและใช้ยาที่มีส่วนประกอบสารหนูเมื่อรับประทานนานๆจะทำให้เป็น โรคผิวหนังหรือผู้ที่สัมผัสน้ำมันและสารเคมีก่อมะเร็งประจำและส่วนน้อยเกิด จากกรรมพันธุ์  คนผิวขาวและผมสีบลอนด์ไวต่อแสงแดด มากกว่าทำให้ผิว