บทความ

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๓๔

                                           วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ พูดคำว่า ขอโทษ ให้เป็น       ครั้งหนึ่งมีคนเคยสัมภาษณ์ หลินจื้ออีง นักร้องยอดนิยมเกี่ยวกับ ทัศนะและความประทับใจที่เขามีต่อ สุดยอดซุปเปอร์สตาร์ทั้งสี่ และ กัวฟู่เฉินนักร้องดังของของฮ่องกง หลินจื้ออิงเจตนาตอบสัมภาษณ์ให้ตลกว่า  “ สี่ซุปเปอร์สตาร์เหรอ ผมไม่รู้จัก ส่วนกัวฟู่เฉิน เขาเป็นพ่อผมเองละมั้ง  “  คำพูดพอหลุดจากปาก ทุกคนที่อยู่ในที่นั้น ต่างพากันตำหนิว่าเขาไม่รู้จักพูดจา ไม่รู้การควรไม่ควร ต่อมาภายหลัง เพื่อที่จะแก้ไขความผิดพลาดที่ได้ทำลงไป แล้วก็กู้ภาพพจน์ที่ดีของตัวเองขึ้นมาใหม่ เมื่อมีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ เขาบอกอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาว่า  “  ผมรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งพูดคำพูดเหล่านั้นออกไป ผมยินดีที่จะขอขมากัวฟู่เฉินต่อหน้าสาธารณะ ”  เมื่อคำพูดเหล่านั้นได้รับคำตีพิมพ์ออกไป คำวิพากษ์วิจารณ์อันเกิดจาก  “  คำให้สัมภาษณ์  “  ในครั้งก่อนจึงสงบลง นั้นแสดงให้เห็นว่า เมื่อเผลอพลั้งพูดอะไรที่ผิดไป การออกมาขอโทษอย่างเปิดเผยบางครั้งก็ได้ผลดีกว่าการหาเรื่องอื่นมากลบเกลื่อนหรือทำเป็นเงียบเฉย ส่วนใหญ่คนเรา เมื่อ

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๓๓

                                          วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ ชายยากจนผู้ซื่อตรง                 ผู้มีเกียรติท่านหนึ่งกำลังขี่ลามาตามถนนในเมืองมักกะฮ มีชายนำหน้าหนึ่งคนซึ่งกำลังตะโกนเสียงดัง “ใครพบกระเป๋าบ้างครับ ใครพบกระเป๋าเงินนำมาคืนด้วย...” “ใครพบกระเป๋าจะให้รางวัลเป็นเงิน 100 เหรียญทอง” ต่อมามีชายขาเป๋คนหนึ่ง สวมใส่เสื้อผ้าที่ปะชุนเดินเข้ามาหาคนขี่ลาและได้สอบถามถึงลักษณะของกระเป๋า และสิ่งที่มีในกระเป๋านั้น คนขี่ลาจึงบอกรูปพรรณลักษณะของกระเป๋าและจำนวนเงินที่มีอยู่ซึ่งตรงกับความ เป็นจริงทุกประการชายขาเป๋จึงยื่นกระเป๋าให้แก่คนขี่ลา คนขี่ลากล่าวขอบใจคนขาเป๋ แล้วควักเงินจำนวน 100 เหรียญทองมอบให้แก่ชายขาเป๋ตามที่สัญญาไว้แต่แทนที่จะรับเงินไว้ชายขาเป๋ กลับพูดว่า “เราขอบใจท่านมาก...แต่เราขอปฎิเสธเงินของท่านจงนำมันกลับไปเถิด แค่กระเป๋าหายไปท่านก็ทุกข์ใจมากแล้ว เงินในกระเป๋าของท่านนะไม่มีค่าอันใดต่อฉันเลย เมื่อเทียบกับสิ่งที่อัลลอฮจะให้แก่ฉัน...”  แล้วชายขาเป๋ผู้ยากจนคนนั้นก็จากไปโดยมิได้เหลือบดูเหรียญทองนั้นเลย ที่มา :  อ.มันศูร   อับดุลลอฮ. ชายยากจนผู้ซื่อตรง.กร

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๓๒

                                         วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑       มหันตภัยจากผลพวงทางเทคโนโลยี        ความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายของคนในสังคมปัจจุบันและความก้าวหน้าทันสมัยของ เครื่องมือทางเทคเทคโนโลยี เช่น การใช้สารเร่งผลผลิต เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะอำนวยควกสะดวกสบายให้แก่เรามากมายเพียงใด เราก็ควรคำนึงถึงผลร้ายที่จะตามมาด้วย เพราะสิ่งประดิษฐ์บางอย่างทำมาจากสารหรือวัตถุที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต และผู้บริโภคอาจถึงขั้นเสียชีวิต จากการวิเคราะห์โดยหลายหน่วยงาน พบว่าในสิ่งแวดล้อมมีสารพิกระจายอยู่เต็มไปหมด        ตัวอย่างสารพิษใกล้ตัวที่เป็นอันตราย ต่อสิ่งมีชีวิต เช่น สารตะกั่วจากการซ่อมแบเตอร์รี่ ก่อให้เกิดพิษต่อเม็ดเลือดแดง  สารปรอทจากการทำกระดาษ,พลาสติก ก่อให้เกิดโรคminamata ปอดอักเสบ ทำลายตับไตเมื่อสูดหายใจเข้าไป        ของบางอย่างที่เราคิดว่าให้ประโยชน์แก่เรามากมายและใช้โดยไม่คำนึงว่ามันก็ สามารถให้โทษแก่เราได้เช่นเดียวกันหากเราใช้มันอย่างไม่ถูกวิธึ ที่มา : ดร.พีรศักดิ์  วรสุนทโรสถ.มหันตภัยจากผลพวงทางเทคโนโลยี.กรุงเทพฯ : สถาบันวิจัยวิทย

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๓๑

                                          วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ นกนางแอ่น         นกนางแอ่นฝูงหนึ่งอาศัยที่เกาะร้างกลางมหาสมุ ท ลมมรสุมแรงทำให้แม่นกและลูกนกต้องพรากจากกัน ลูกนกเฝ้าออกตามหาแม่นกมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่เจอ แม่นกก็เช่นเดียวกันเฝ้าตามหาลูกอยู่หลายปีแต่ก้ไม่มีวี่แววว่าจะเจอ  ยังไม่ทันได้เจอลูก แม่นกก็ถูกคลื่นทะเลสาดฟาดร่างจมหายไปในทะเลลึก แม่นกได้เกิดใหม่อาศัยอยู่ในฝาหอย ลุกนกเล่าเรื่องให้แม่หอยฟังว่าเธอเป้นเด็กกำพร้า ไม่มีแม่และน้อยใจคิดว่าแม่ทิ้งไปเพราะไม่รัก โดยหารุ้ไม่ว่าหอยตัวนั้นคือแม่ของตน แม่หอยได้ฟังแล้วก็คิดในใจว่าชาติที่แล้วแม่ตายไปยังไม่ทันได้ป้อนเหยื่อให้ เจ้ากินชาตินี้แม่ขอให้ลูกกินแม่ในชาตินี้แทนสิ้นเสียง แม่นกในร่างหอยก็สิ้นลม ลูกนกมารุ้ที่หลังว่าหอยตัวนั้นคือแม่ของตนลุกนกก็ฟุบกลิ้งจนสลบสลายตายตาม แม่ไป ที่มา :  อังคาร กัลยาณพงค์.   นกนางแอ่น.กรุงเทพฯ :  บริษัทพัฒนาคุรภาพวิชาการ(พว.)จำกัด,๒๕๕๘

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๓๐

                                              วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑    เม็กซิโกซีตี้บทเรียนของกรุงเทพฯ     เม็กซิโกซิตี้เป็นเมืองหลวงของประเทศเม็กซิโกมีอะไรที่น่าศึกษาในด้านแผ่น ดินไหวสำหรับกรุงเทพฯอันดับแรกเม็กซิโกซิตี้ตั้อยู่บนพื้นที่ดินอ่อนเช่นกับ กรุงเทพฯ กรุงเทพสร้างบนพื้นที่ดินที่เคยเป็นทะเลมาก่อนส่วนเม็กซิโกสร้างบนพื้นที่ ที่เป็นโคลน ส่วนที่สอง คือรสนิยมที่เหมือนกันในเรื่องคอร์รัปชันความจริงเม็กซิโกไม่เหมือนกรุงเทพ อยู่อย่างหนึ่งคือกรุงเทพไม่ได้อยู่ในเขตแผ่นดินไหวซึ่งเม็กซิโกมีแผ่นดิน ไหวอยู่เป็นประจำแต่ชาวเม็กซิโกซิตี้ไม่ตื้นเต้นกับแผ่นดินไหวเพราะชาว เม็กซิโกชินแล้วจึงทำให้ชาวเม็กซิโกอยู่ในความประมาทจึงทำให้เสียชีวิตมาก เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่19กันยายน2528โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ชายฝัง แปซิฟิกแต่บริเวณที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางกลับไม่เสียหายร้ายแรง มาถล่มเอาพื้นที่กรุงเม็กซิโกซิตี้เป็นคลื่นไปตามแผ่นดินไหวอาคารบ้านเรือน พังทลาย ทั้งเมืองเต็มไปด้วยฝุ่นและควันจากไฟไหม้มีผู้เสียชีวิตกว่า9500คนบาดเจ็บ กว่า300000คนอาคารที่ถูกทำลายส่วนใหญเป็นอาคารที่หลังจากพระราชบัญญ

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๒๙

                                            วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ ญี่ปุ่นตายเป็นเเสนเมื่อแผ่นดินไหว       ญี่ปุนเป็นประเทศที่ต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวมากที่สุดและเสียชีวิตจากภัย พิบัติธรรมชาติประเภทนี้หลายแสนคนการสูญเสียครั้งใหญ่เกิดเมื่อวัน ที่1กันยายน2466จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ในทะเลจึงเกิดคลื่นสึนา มิเข้ามาถล่มฝังด้วยรอบอ่าวซากามิมีเมืองเล็กตั้งเรียงรายหลายเมืองและอาคาร ที่ส้างส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในที่ลุ่มของดินอ่อนจึงเสียหายถูกทำลาย50-80เปอร์ เซ็นตรงเหนือจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวในอ่าวแรงแผ่นดินไหวได้บีบนำใต้ดินบน ทรายให้พุ่งขึนมาทุกครั้งที่คลื่นแผ่นดินไหวแม้บริเวญอ่าวซากามิมีจะเป็นจุด ศูนย์กลางแผ่นดินไหวแต่ก็มีผู้เสียชีวิตน้อยเพราะชุมชนย่านนี้อยู่กันไม่ หน่าแน่นมีอาคารสูงน้อยจึงหนี้ทันแต่เมืองโยโกฮามาอยู่กันอย่างหน่าแน่นจึง มีคนตาย27000คน บาดเจ็บ40000คนซึ่งโตเกียวอยู่ห่างจากโยโกฮามาเล็กจึงทำให้ความรุนแรงจาก แผ่นดินไหวลดลงประชาชนสามารถภออกจากอาคารพังทลายได้แต่ก็ไปไหนไม่ได้เพราะ เส้นทางถูกปิดปรากฏว่าที่โตเกียวมีคนตาย100000คน บาดเจ็บ40000คนและอาคารบ้านเรือนพังทลา

บันทึกการอ่านครั้งที่ ๒๘

                                                วันเสาร์ ที่๓ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๖๑ ต้นไม้สวรรค์       มี ต้นอินทผาลัมอยู่ต้นหนึงปลูกอยู่ในเขตของบ้านหลังหนึงบริเวณบ้านของคนยากจน ที่อาศัยอยู่ติดกันบางครั้งเมื่อการเก็บผลอินทผลัมของมันกระเดนเข้าไปในบ้าน ของคนยากจนทำให้เด็กๆต้องมาคว้ากินกันแต่ผู้เป็นเจ้าของไม่พอใจบางที่ถึง กลับดึงเอาออกจากปากเด็กผู้ยากจนด้วยซ้ำจีงนำเรื่องนี้มาร้องเรียนต่อท่าน นบีซอลลออฮวาสัลลัมจึงเรียกเจ้าของต้นอินทผาลัมมาพบและสอบถามว่าเขาเต็มใจ มอบส่วนนี้แก่ท่านไหมเจ้าของสวนตอบปฎิเสธและบอกว่าเคยมีขอซื่อต้นไม่นี้แล้ว แต่เขาไม่ขายให้แพราะติดใจในรสชาติของมันเมื่อเจ้าของต้นอินทผาลัมหากผมซื่อ ต้นไม้นี้และมอบให้ท่านและมอบให้ท่านนบีผมจะได้รับต้นไม้จากสวรรค์ที่ท่านรอ ซุลสํญญาว่าจะให้เป็นการตอบแทนด้วยหริอป่าวชายผู้ันั่นจีงเรียกไปหาเจ้าของ สวนโดยพูดว่าขายต้นอินทผาลัมต้นนี้ให้แก่เราเถอะแก่เราเถอะจะให้ราคาเท่าไร ก็ได้เจ้าของตอบว่าแม้ท่านนบีสํญญาต้นไม้ในสวรรค์ให้แก่ฉันแล้วฉันยังไม่ยอม ให้เลยแม้ราคามากเพียงใดก็ตามเจ้าของส่วนตอบกลับว่าเราอาจจะขายมันแต่คงไม่ มีใครซื่อมั้นหรอกหากเราบอ